โรคภูมิแพ้ รู้ไว้ไม่แพ้
โรคภูมิแพ้ คืออะไร..?
โรคภูมิแพ้คืออะไร คือโรคที่เกิดจากปฏิกิริยาภูมิไวเกินต่อสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งในคนปกติไม่มีปฏิกิริยานี้ ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ มีปฏิกิริยาไวเกินต่อ ฝุ่น ตัวไรฝุ่น เชื้อราในอากาศ อาหาร ขมสัตว์ เกสรดอกไม้ เป็นต้น สารที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาไวเกินนี้เรียกว่า "สารก่อภูมิแพ้" โรคภูมิแพ้ สามารถแบ่งได้ตามอวัยวะที่เกิดโรค มี 4 โรคคือ- โรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคแพ้อากาศ
- โรคตาอักเสบจากภูมิแพ้
- โรคหอบหืด
- โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่มีการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์
โรคภูมิแพ้ สามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ คือถ่ายทอดจากพ่อแม่มาสู่ลูก เหมือนภาวะอื่นๆ เช่น หัวล้าน ความสูง สีของตา เป็นต้น ในทางตรงกันข้าม แม้ว่าพ่อแม่ของคุณเป็นโรคภูมิแพ้ คุณอาจจะไม่มีอาการใดๆเลยก็ได้โดยปกติ ถ้าพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นโรคภูมิแพ้ ลูกจะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ประมาณ 25% แต่ถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นโรคภูมิแพ้ทั้งคู่ ลูกที่เกิดมามีโอกาสเป็นภูมิแพ้สูงถึง 66% โดยเฉพาะ โรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ จะมีอัตราการถ่ายทอดทางกรรมพันธู์สูงที่สุด ถ้าคุณได้รับการถ่ายทอดโรคภูมิแพ้ทางกรรมพันธุ์จากพ่อแม่ของคุณ แต่ไม่เคยสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ คุณก็จะไม่มีอาการของโรคภูมิแพ้ คุณจะต้องได้รับสารก่อภูมิแพ้ที่สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิไวเกินในร่างกายของคุณ การได้รับสารก่อภูมิแพ้จะต้องได้รับปริมาณมากพอ และนานพอที่จะกระตุ้นให้ร่างกายคุณเกิดปฏิกิริยาดังกล่าว จึงทำให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้ขึ้น อาการของคุณจะเป็นมากขึ้น เมื่อภูมิต้านทานลดต่ำลง เช่น
- ในขณะที่คุณเข้าสู่วัยรุ่น
- การติดเชื้อในบริเวณต่างๆ
- การตั้งครรภ์
อาการของโรคภูมิแพ้
อาการของโรคภูมิแพ้ ขึ้นอยู่กับว่า ภูมิแพ้นั้นเกิดขึ้นที่ระบบใด สำหรับผู้ใหญ่สามารถที่จะให้ประวัติ และบอกอาการได้ ก็จะช่วยในการวินิจฉัยอาการของโรคภูมิแพ้ที่พบได้มีดังนี้
- ผื่นที่ผิวหนัง เช่นผื่นแพ้ ลมพิษ คันตามผิวหนัง
- คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม
- ไอแน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีด โรคหอบหืด
- เคืองตาและตาแดง เคืองจมูก
- บวมรอบปาก อาเจียนและถ่ายเหลว
- แสบคอ หูอื้อ น้ำมูกไหลลงคอ
โรคภูมิแพ้ รักษาได้อย่างไร..?
ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ สามารถที่จะดำเนินชีวิตได้ตามปกติไปพร้อมๆกับโรค เพียงแต่รู้จักปฏิบัติตนให้ถูกต้องเท่านั้น หลักสำคัญในการปฏิบัติตนมีอยู่ด้วยกัน 3 ข้อ คือ1) หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ การปฏิบัติตนข้อนี้นับว่าสำคัญมาก เนื่องจากการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้จะทำให้ร่างกายของผู้ป่วยลดปริมาณการสร้างสารแพ้ ทำให้อาการของโรคภูมิแพ้ลดน้อยลง และผู้ป่วยสามารถลดปริมาณการใช้ยาให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อควบคุมอาการของโรค
2) การดูแลตนเอง ให้มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงอยู่เสมอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทแป้งและไขมันจนมากเกินไปที่จะทำให้เกิดโรคอ้วน และทำให้การรักษาโรคภูมิแพ้ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรนอนดึก รวมถึงหลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่อาจกระตุ้นให้อาการของโรคเป็นมากขึ้น เช่น ควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ หรือควันจากการประกอบอาหาร เป็นต้น
3) การทานยา ทานยาตามที่แพทย์สั่ง(มีผลต่อไต) หรือทานยาสมุนไพร
การดูแลด้วยสมุนไพร
คุณหมอเส็งได้แนะนำผลิตภัณฑ์สมุนไพร คือ
- สตาร์ไลฟ์ 111 ทาน 30cc. (เช้า-เย็น)
- สมุนไพรผสมขมิ้นชัน 2 แคปซูล (เช้า-เย็น)
- ยาบรรเทาอาการปวดเมื่อย ครั้งละ 50cc. (เช้า-เย็น)