โรคแพนิค Panic Disorder (โรคประสาทหัวใจอ่อน)
โรคแพนิค คือ ความกลัวหรือความตระหนกตกใจที่เกิดขึ้นอย่างทันทีเหมือนจู่โจม เป็นลักษณะสำคัญของโรคทางจิตเวชโรคหนึ่ง คือ โรคแพนิค ซึ่งมีอาการทางกายที่รุนแรงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายใน 3-10 นาที เกิดขึ้นเป็นพักๆ อาจนานถึงครึ่งชั่วโมงโดยเกิดขึ้นร่วมกันความหวาดกลัว อาการต่างๆ ที่พบได้ มีดังนี้
1) อาการที่เกิดขึ้นแบบจู่โจม (แพนิค) มักเกิดขึ้นโดยไม่เลือกเวลาและสถานที่ จึงยากที่จะทำนายได้ ทำให้บางรายเกิดความหวาดกลัวและพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือกิจกรรมนั้นๆที่เคยมีแพนิคเกิดขึ้น
2) อาการแพนิคสงบลง ผู้ป่วยมักตกอยู่ในสภาพหวาดหวั่น วิตกกังวลว่าจะเกิดอาการขึ้นมาอีก ไม่อาจรู้ว่าเมื่อไหร่และที่ใด ยิ่งมีความหวาดหวั่นและวิตกกังวลมากเท่าใด ก็ดูเหมือนว่าจะเกิดอาการจู่โจมมากขึ้นเท่านั้น ผู้ป่วยได้ตกอยู่ในวงเวียนของการเกิดอาการ ดังนี้
2) อาการแพนิคสงบลง ผู้ป่วยมักตกอยู่ในสภาพหวาดหวั่น วิตกกังวลว่าจะเกิดอาการขึ้นมาอีก ไม่อาจรู้ว่าเมื่อไหร่และที่ใด ยิ่งมีความหวาดหวั่นและวิตกกังวลมากเท่าใด ก็ดูเหมือนว่าจะเกิดอาการจู่โจมมากขึ้นเท่านั้น ผู้ป่วยได้ตกอยู่ในวงเวียนของการเกิดอาการ ดังนี้
- ใจเต้นเร็ว ลั่นเหมือนตีกลอง
: เหงื่อแตก - เจ็บบริเวณหน้าอก
: อ่อนเพลีย - หายใจติดขัด หายใจไม่อิ่ม
: คลื่นไส้หรือปั่นป่วนในท้อง - รู้สึกมึนงง โคลงเคลง เป็นลม
: ความรู้สึกเหมือนตกอยู่ในความฝัน มีการรับรู้บิดเบือนไป - รู้สึกชา หรือซ่าตามปลายเท้า
: ความกลัวอย่างท่วมท้น ร่วมกับความรู้สึกสังหรณ์ว่ามีบางอย่างที่น่ากลัวกำลังเกิดขึ้นกับตัวเองและเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ กลัวว่าจะตาย - ตัวร้อนวูบวาบ หรือตัวสั่น
: ควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนจะเป็นบ้า หรือแสดงบางอย่างที่น่าอายออกไป
โรคแพนิค สามารถแบ่งออกได้เป็น 6 ระยะ จากเริ่มต้นไปรุนแรงสุดๆ ดังนี้
- 1) ระยะเกิดอาการแพนิค
- 2) ระยะกังวลเกี่ยวกับอาการแพนิค หลังจากเกิดอาการ กลัวจะเกิดซ้ำ ไม่รู้จะเกิดที่ไหน ตอนไหน
- 3) กลัวจะเป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ ซึ่งช่วงแรกแพทย์มักจะตรวจไม่พบ และบอกว่าไม่เป็นอะไร
แต่ผู้เป็นโรคแพนิคมักจะไม่เชื่อ มักไปตรวจหลายที่ หลายๆครั้ง เพื่อยืนยันให้แน่ใจ
- 4) เริ่มกลัวและหลีกเลี่ยงต่อสถานที่หรือสถานการณ์ซึ่งผู้ป่วยรู้สึกว่าอาจทำให้เกิดอาการแพนิค เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาด หรือการขับรถ
- 5) มีอาการแพนิคมากขึ้นจนไม่กล้าไปไหนคนเดียว เพราะกลัวว่าเกิดอาการแล้วจะไม่มีใครช่วยทัน
- 6) ระยะเกิดอารมณ์เศร้า อาจถึงขั้นโรคซึมเศร้า เป็นผลจากมีอาการแพนิคมานาน บางครั้งอาจถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย
5 อุปนิสัยนำไปสู่การป่วยเป็นโรคแพนิค
คุณมีนิสัยดังต่อไปนี้หรือไม่..?
นิสัยของคนเราเป็นตัวบอกให้ทราบในหลายๆอย่าง เช่น การทำงานของสมอง วิธีคิด ระบบประสาท สภาพสังคมและครอบครัวที่เราได้พบเจอ แม้แต่ลักษณะที่ถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม จากสถิติได้รวบรวม 5 นิสัยหรือ พฤติกรรมที่เป็นแรงกระตุ้นให้เกิดอาการแพนิค คือ
1) เป็นคนที่มีนิสัยจริงจังกับชีวิตมาก
2) เครียดและกังวลไปกับทุกเรื่อง
3) ความคาดหวังกับอะไรซักอย่างมากจนเกินไป
4) ย้ำคิดย้ำทำ
5) ชอบคิดลบ
ถ้าคุณมีนิสัยใน 5 ข้อนี้ แสดงว่าคุณมีความเสี่ยงเป็นโรคแพนิค หรือคุณกำลังเป็นอยู่ก็ได้ เพราะคุณอาจจะมีพันธุกรรม หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีหรือ ระบบสารสื่อประสาทของคุณกำลังทำงานผิดปกติ
วิธีแก้ไขคือ ต้องหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายสมอง ผ่อนคลายจิตใจ มีสติให้มากที่สุด ไม่คิดลบ ไม่เครียด ปล่อยวางกับปัญหา อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด อย่าคาด หวังกับอนาคตมากเกินไป ไม่คิดถึงความผิดพลาดในอดีต ให้อยู่กับปัจจุบันเป็นสำคัญ คิดว่าถ้าเราทำวันนี้ให้ดี ให้เต็มที่ ให้มีความสุข อนาคตข้างหน้าก็ต้องดีแน่นอน ออกกำลังกาย สวดมนต์ นั่งสมาธิบ้าง
เทคนิคการหายใจเพื่อบรรเทาอาการแพนิค..
คนที่เป็นโรคแพนิคคงรู้ดีอยู่แล้วว่าเวลามีอาการแพนิค (panic attack) มันทรมานแค่ไหน วันนี้ผมเลยมีเทคนิคดีๆเกี่ยวกับการหายใจมาฝากเพื่อนๆเวลามีอาการแพนิคครับ เผื่อเวลาที่เริ่มมีอาการแล้วคิดอะไรไม่ออกก็ลองนำมาใช้กันดูนะครับ
- หายใจเข้าเป็นเวลา 4 วินาที (หรือนับ 1 ถึง 4 ก็ได้ครับ)
- กลั้นหายใจเป็นเวลา 7 วินาที
- หายใจออกเป็นเวลา 8 วินาที
- ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง
ถ้ามีโรคแพนิคจะดูแลตนเองอย่างไร?
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ คนไข้อาจไม่กล้าทำ เพราะคิดว่าจะยิ่งทำให้ใจสั่นเวลาเหนื่อย
- แต่ที่จริงแล้วการออกกำลังกลับทำให้ระบบหัวใจ และปอดทำงานสมดุลขึ้น
- พักผ่อนอย่างเพียงพอและมีสุขลักษณะการนอนที่ดี หากอดนอนโรคจะกำเริบง่าย
- งดใช้คาเฟอีน (ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง) สุรา และสารเสพติด เพราะอาจมีฤทธิ์กระตุ้นให้เกิดแพนิค
- การผึกการผ่อนคลายด้วยวิธีเหล่านี้ ต้องฝึกอย่างสม่ำเสมอและใช้เวลาอย่างน้อยครั้งละ 15-20 นาที
- การฝึกหายใจเข้าออกช้า ๆ
- การฝึกสมาธิ หรือเดินจงกรม
- การฝึกจินตนาการเพื่อการผ่อนคลาย โดยอาจใช้ฟังเพลงช่วย
- การผึกโยคะ ไทเก็ก หรือการออกกำลังที่ประสานร่างกายและจิตใจ
- การได้ปรึกษาหรือระบายปัญหากับผู้ที่ตนไว้ใจหรือศรัทธา หรือใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพจิต
- การจัดการกับความเครียดด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่นศึกษาธรรมะ หรือทำงานอดิเรกที่ผ่อนคลาย
- ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา และแจ้งให้แพทย์ทราบเมื่อมีอาการเกิดขึ้นหลังจากใช้ยา
- เวลาเป็นแพนิค อย่าเพิ่งตกใจ อย่าคิดต่อเนื่องไปว่าจะป่วยหนักหรือจะหัวใจวายตาย เพราะจะยิ่งทำให้เครียดและ ยิ่งเป็นมากขึ้น ให้นั่งพักและรออาการสงบไป ซึ่งจะหายไปเองเหมือนครั้งก่อนๆที่เคยเป็น หรือรับประทานยาที่แพทย์ให้ไว้ใช้เวลาที่เกิดอาการแล้วพักสักครู่รอยาออกฤทธิ์ ขอให้มั่นใจว่าไม่เคยมีใครตายจากโรคแพนิค มีแต่คนที่เป็นแล้วคิดมากจนไม่มีความสุข เลยไม่หายและยิ่งเป็นบ่อยๆ
แนวทางการรักษานอกจากนี้ ผมขอแนะนำการแพทย์ทางเลือกกับสมุนไพรไทยของคุณหมอเส็งครับ
การดูแลด้วยสมุนไพร
คุณหมอเส็งได้แนะนำผลิตภัณฑ์สมุนไพร คือ
- สตาร์ไลฟ์ 111 ทานครั้งละ 30 cc. เช้า-เย็น
- ยาหอมน้ำ ครั้งละครึ่งขวด เช้า-เย็น
ผลิตภัณฑ์ 2 ชนิดนี้ จะช่วยแก้โรคหัวใจ
ที่อ่อนแรงทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น อาการที่เป็นอยู่ก็จะหายไป
ที่อ่อนแรงทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น อาการที่เป็นอยู่ก็จะหายไป