วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

การตอบข้อโต้แย้ง แบบเด๊ะๆ ตอนที่ 2


ภาพ การตอบข้อโต้แย้ง ตอนที่ 2

ต่อจากการตอบข้อโต้แย้ง แบบเด๊ะๆ ตอนที่ 1  ที่เราได้เรียนรู้เทคนิคการตอบข้อโต้แย้งกันไปหลายหัวข้อแล้ว หลายๆท่านนำเอาไปปฏิบัติกันบ้างหรือยังเอ่ย ? ใครที่ลองไปใช้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง เข้ามาคอมเม้นกันได้ท้ายบทความครับ...

ว่าแต่ว่าตอนนี้เรามาต่อกัน ข้อที่ 4 ก่อนเลยดีกว่าครับ
4.ขายไม่เก่ง ขายไม่เป็น  คนที่บอกแบบนี้แปลว่าเขายังเข้าใจทัศนคติการขายแบบผิดๆอยู่ สิ่งที่คุณต้องเปรียบเทียบให้เขาเข้าใจเลยคือ ขาย = ได้เงิน , ซื้อ = เสียเงิน

กลัวการขาย = กลัวได้เงิน ลองเปรียบเทียบกับ คนจีนที่ย้ายมาไทยสมัยก่อน ทำไมเขาถึงรวย เพราะเขาปลูกฝังว่าต้องทำอาชีพค้าขาย คนรวยคือคนที่เป็นผู้ขาย ไม่ใช่ "ลูกค้า"

ทำให้เห็นภาพว่า เขากลัวการขายหรือกลัววิธีการขาย ลองยกตัวอย่างการมีหน้าร้าน กับการเดินขายของดูครับ

ร้อยทั้งร้อยใครก็ขายได้ ถ้ามีหน้าร้านให้คนเดินเข้ามาซื้อ พอมีหน้าร้านทำไมขายได้ ?


ภาพ แสดงการถูกปฏิเสธ
 … ถูกต้อง เพราะเขาไม่ได้กลัวการขาย เขากลัวการปฎิเสธ กลัวไปพูดแล้วถูกปฎิเสธ แล้วมันสะเทือนจิตใจ กระทบตัวตนเรา ธรรมชาติของเรารู้สึกเจ็บปวด ฉะนั้นแล้วคุณต้องให้เขามีหน้าร้านขายครับ ผมจะตอบเขาแบบนี้

พูดให้เห็นภาพ มองให้ออก อย่าไปกลัวการขาย มันเป็นทักษะที่คนประสบความสำเร็จมี เราขายในวิธีที่ชาญฉลาด คุณอย่าไป worry ว่าเดี๋ยวนำเสนอขายจะมีคนดูถูก ไม่ซื้อแล้วเสียหน้า..

คิดไว้เสมอว่า ถ้ามันตอบสนองความต้องการ เขาก็ซื้อแค่นั้น ถ้าเสนอแล้วยังไม่ตอบโจทย์ เขายังไม่อยากได้ ไม่เอาก็แค่นั้น ไม่ต้องไปตื้อ เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมจบ !


...แต่ถ้าพี่ไม่ชอบงานขายจริงๆ พี่ก็ไม่ต้องขายครับ เพราะธุรกิจหมอเส็งเป็นการสร้างเครือข่ายผู้บริโภค ไม่ใช่การขายเหมือนประกันชีวิต
ภาพ แสดง MLM ย่อมาจากอะไร

ขอให้คุณบอกกับผู้มุ่งหวังว่า “จริงๆแล้วการสร้างธุรกิจ MLM มีอยู่ 2 แนวทาง แนวทางแรกคือขาย แนวทางที่สองคือการแนะนำ ถ้าคุณไม่ชอบขาย คุณก็ไม่จำเป็นต้องขาย ไม่เป็นไร เพราะผมก็ไม่ชอบขายสินค้าเหมือนกัน ผมแอนตี้ด้วยซ้ำ การสร้างธุรกิจ MLM ของหมอเส็ง คุณแค่ลองซื้อสินค้าใช้ แล้วคุณก็ทำการตลาดโดยการบอกต่อ กับสินค้าที่คุณใช้แล้วชอบ ใช้แล้วดี เพียงเท่านี้ก็สร้างธุรกิจได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องขายเลย”

ภาพ คนพูดไม่เก่ง

5.พูดไม่เก่ง ผู้มุ่งหวังที่มีข้อโต้แย้งนี้ มักจะไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเอง คุณจึงต้องพยายามชี้ให้เขาเห็นว่า

แม้เขาจะพูดไม่เก่งก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการสร้างธุรกิจแม้แต่น้อย เพราะธุรกิจนี้ไม่ได้ต้องการคน “พูดเก่ง” แต่ต้องการคน “พูดเป็น” 

เพราะคนพูดเก่งไม่ได้แปลว่า รู้ในสิ่งที่พูด อาจจะแค่พูดไปเรื่อยๆก็ได้ ซึ่งในธุรกิจ MLM เค้าต้อง “ฟังเก่ง” ก่อน และร่วมการฝึกอบรมให้ผู้ร่วมธุรกิจ “พูดเป็น” มีข้อมูล และข้อเท็จจริง ที่จะใช้นำเสนอให้ผู้อื่นฟัง ไม่มั่ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงที่เค้าพูดไม่เก่ง ขอแค่ตั้งใจจริงเค้าก็สามารถสร้างธุรกิจได้

ภาพ คนไม่มีเวลา

6.ไม่มีเวลาว่าง หากผู้มุ่งหวังตอบว่าไม่ว่างไม่มีเวลา ส่วนใหญ่มักจะตอบเลี่ยงๆ เพราะไม่อยากทำธุรกิจคุณต้องชี้ให้ผู้มุ่งหวังเห็นคุณค่าของการแบ่งเวลามาสร้างชีวิต เพราะในชีวิตคนเรามี 24 ชม. เท่ากัน ถ้าเราใช้เวลาทำงานหรือเรียนวันละ 8 ชม. พักผ่อนและนอนหลับ 12 ชม. เราก็ยังมีเวลาเหลืออีก 4 ชม. การใช้เวลา 4 ชม. ที่เหลือ เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าใครจะประสบความสำเร็จในชีวิต บางคนใช้เวลาไปกับการเที่ยวเล่น บางคนใช้ศึกษาพัฒนาตัวเอง บางคนใช้หารายได้พิเศษเป็นรายชั่วโมง บางคนใช้ทำธุรกิจส่วนตัว คุณก็บอกผู้มุ่งหวังว่า

คุณลองแบ่งเวลา 4 ชม. มาทำธุรกิจแล้วถ้าคุณไม่ชอบจริงๆค่อยเลิกก็ยังไม่สาย คุณจะได้ไม่เสียโอกาสมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
ภาพ ชายคนหนึ่งฟุบลงบนโต๊ะ เพราะไม่รู้จะไปขายใคร

7.ไม่รู้จะไปขายใคร ผู้มุ่งหวังมักจะคิดว่าการสร้างธุรกิจหมอเส็ง จะเป็นการไป “เอา” แทนที่จะ “ให้” หรือไป “รบกวน”แทนที่จะ “ช่วยเหลือ” คุณจึงต้องชี้ให้เห็นว่าการสร้างธุรกิจหมอเส็ง จะเป็นการที่คุณมอบสิ่งดีๆ “ให้” กับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้คนรอบตัวของผู้มุ่งหวัง ขอให้คุณตอบผู้มุ่งหวังว่า 


“คุณลองคิดถึงคนที่ต้องการรายได้เพิ่ม แต่ยังไม่รู้ทำอย่างไร ถ้าคุณได้แนะนำธุรกิจหมอเส็ง แล้วทำให้เค้ามีรายได้เพิ่ม ก็เป็นการดีกับตัวเค้าเอง แล้วมันก็เกิดจากการที่เราก็มอบสิ่งดีๆให้กับเค้า”


หรือถ้าตอบในแง่ของสินค้า 


“มันจะดีแค่ไหน ถ้าเกิดว่าเรานำอาหารเสริมคุณภาพสูงไปแนะนำให้คนที่ไม่ค่อยแข็งแรงใช้ แล้วเค้าแข็งแรงขึ้น เค้าก็คงอยากจะขอบคุณเราแน่เลย”

ภาพ ยาหมอเส็ง

การตอบข้อโต้แย้งเรื่องสินค้าในขายตรง

1.สินค้าราคาแพงไป  ตอบไปว่า “ไม่ใช่แพงธรรมดานะครับ แต่โครตแพงเลย ผมก็รู้สึกแบบนั้นในตอนแรก แต่พอได้ศึกษา ผมก็เข้าใจระหว่างสินค้าราคาสูงกับสินค้าราคาแพง ต่างกันอย่างไร”


ภาพ ราคาแพง มาก

อะไรถูกหรือแพง ขึ้นอยู่กับว่าเราเอาไปเทียบกับอะไร… กาแฟ Starbucks ,มือถือ Apple คุณคิดว่าแพงหรือเปล่า ?

แพงคือ คุณภาพกับราคาไม่สมเหตุสมผล คุณต้องเปรียบเทียบให้เห็นชัด ถึงสินค้าของคุณกับ สินค้าระดับสูงตามท้องตลาด ให้เขาเห็นภาพว่าสินค้าในธุรกิจเครือข่าย คุณภาพจะเกินราคาเสมอ

ที่คุณเจอบอกว่าแพง อาจเป็นเพราะคุณทำการตลาดไม่ตรงกลุ่มด้วยครับ ถ้าผมเป็น sale ขายเบนซ์ ผมก็ต้องไปขายคนที่มีศักยภาพซื้อ เขาถึงจะซื้อ มนุษย์ทุกคนมีทักษะการแยกแยะ มีเหตุและผลในตัวเองอยู่แล้วครับ



2.ต้องใช้เงินลงทุนทำธุรกิจสูง  หากเขาคิดว่าทำธุรกิจเครือข่ายเป็นการลงทุนที่สูง แปลว่าเขาไม่เคยลงทุนทำธุรกิจ อยู่ในกรอบพนักงานประจำมานาน คุณต้องบอกเขาครับว่าทำธุรกิจมันก็ต้องลงทุน 


เปิดร้านขายข้าวคุณว่าลงทุนเท่าไร ซื้อแฟรนไชส์ร้านบะหมี่ยังต้องลงทุนเป็นแสนเลยครับ

ทำงานประจำมันก็ต้องลงแรง ลงสมองอยู่ดี แล้วไม่มีโอกาสรวยด้วย แต่ถ้าอยากรวยก็ต้องลงทุนให้เป็น


ภาพ สินค้ากองขนาดใหญ่

3.มีสินค้าตัวเดิมๆเต็มบ้าน  ลูกค้าผม 100 % ก็มีของเดิมอยู่ทั้งนั้น บางคนพึ่งซื้อด้วย ความจริงที่คุณเจอข้อโต้แย้งแบบนี้ อาจเป็นเพราะคุณอธิบายไม่ดีพอ คุณต้องทำให้เขารู้สึกได้ว่า “ดี” กับ “ดีกว่า” โดยธรรมชาติแล้วคนจะเลือกอะไร ?

ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง อาหารเสริม ใช่ว่าเขาจะใช้อยู่ผลิตภัณฑ์เดียวซะเมื่อไหร่ สิ่งสำคัญอยู่ตัวคุณ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือแผนธุรกิจ มันไม่มีปาก มันนำเสนอตัวเองไม่ได้ คุณต้องเป็นคนนำเสนอ

คุณต้องมีทักษะของการเรียนรู้ข้อมูลในธุรกิจคุณ ไม่ใช่เขาถามไรมา ตอบไม่ได้ คุณก็ไม่มืออาชีพ แล้วจะหวังให้เขาเข้าร่วมธุรกิจกับคุณได้อย่างไร



ใช้การตอบข้อโต้แย้ง ย้อนกลับมาที่ตัวคุณ

เป็นคุณเอง ก็คงอยากที่จะเข้าร่วมธุรกิจกับมืออาชีพ จริงไหมครับ คุณต้องพัฒนาทักษะของผู้นำที่จะนำพาคนอื่นให้ประสบความสำเร็จ “เราให้ในสิ่งที่เราไม่มีไม่ได้” ถ้าคุณมีความเป็นมืออาชีพ ธุรกิจคุณใช่ เขาก็จะมั่นใจและเชื่อมั่นที่จะเข้าร่วมธุรกิจกับคุณแน่นอนครับ
1/29/2560 / by / 0 Comments