โรคปวดหลัง

โรคปวดหลัง
ภาพชายปวดหลัง

เมื่อมีอาการ "ปวดหลัง" ควรทำอย่างไร..?

คนส่วนใหญ่ ต่างก็เคยปวดบั้นเอวกันมาแล้วทั้งนั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องหน้ากลัวแต่อย่างใด เพราะส่วนมากจะเป็นอยู่ไม่นานนัก อาการปวดหลังในทุกยุคทุกสมัยมาจนปัจจุบัน พบว่าผู้ปวดหลังจำนวนมาก เกิดจากท่าทาง ที่เราทำให้แนวกระดูกหลังไม่อยู่ในแนวตรง เช่นคุณนั่งเอียงไปด้านใด กระดูกก็จะโดนกดทับอยู่ด้านเดียว หมอนรองกระดูกโดนกดทับอยู่ด้านเดียว เส้นเอ็นที่ยึดกระดูกไว้อีกด้านก็ตึง กล้ามเนื้อก็เกร็ง และเมื่อเป็นอย่างนี้บ่อยเข้าก็เกิดการอักเสบและแสดงอาการปวดขึ้นมาที่หลัง ไปตรวจก็ไม่เจอจนกว่าจะเข้าขั้นรุงแรง วิธีการที่จะลดการปวดหลังได้ง่ายที่สุดคือทำตัวให้ตรง ทำได้หรือเปล่า? คนเราทำได้ไม่กี่นาทีก็ลืมตัวไปนั่งท่าเดิม ถ้าคุณทำให้ตัวตรงได้ร่างกายก็กลับภาวะสมดุล ระบบเลือดก็ไหลวนได้ อาการปวดก็ลดลงได้เอง โดยไม่ต้องกินยาเคมีให้มีผลต่อไตและตับเลย

ปวดหลัง ต้องระวัง อาจลุกลาม เป็นเนื้องอกหรือมะเร็ง!!

บางท่าน ปวดแป๊บเดียวหาย บางท่านปวดเรื้อรัง ปวดแล้วปวดอีก ขยับไม่ได้เลย อาการปวดต้องระวัง การทำอะไรผิดท่าขึ้นมาอาจลุกลามไปเป็นมะเร็งได้ อาการปวดที่ค่อนข้างรุนแรง ควรรีบหาเวลาไปพบแพทย์ คือปวดแล้วลงไปตามแขนตามขา ตอนนอนก็ปวด ซึ่งอาจจะเป็นเนื้องอกหรือติดเชื้อ
ช่วงอายุ ที่คนเรามักจะมีอาการปวดหลัง คือช่วงอายุ 30-40ปี มักเป็นโรคหมอนรองกระดูก แต่ถ้าอยู่ในช่วงอายุ 70-80ปี เป็นกลุ่มที่เสี่ยงเป็นเนื้องอก หรือติดเชื้อ หมอแนะนำอย่านั่งนาน ให้เปลี่ยนอิริยาบถ เป็นยืนหรือเดิน และการออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ

สาเหตุของการปวดบั้นเอว

ยกของไม่ถูกวิธี มารดาที่มักจะอุ้มลูกอยู่เสมอๆ มีโอกาสปวดบั้นเอว มากเป็นพิเศษ

ยืนหรือนั่ง ไม่ถูกหลักกายภาพ

ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะช่วงใกล้คลอด

น้ำหนักตัวมากเกินไป

ออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ

การบาดเจ็บที่ทำให้กล้ามเนื้อ เอ็นและเส้นเอ็นต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับกระดูกสันหลัง และการทรงตัวเกิดอาการตึงเครียด

หมอนรองกระดูกเสื่อม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเจ็บปวดที่ลุกลามไปถึงขาหรือเท้า(เรียกว่า สเคียติกา) ทำให้ขาอ่อนแอ หรือมีอาการชา หรือเกิดปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดี