
โรคเส้นเลือดสมองตีบ
อัมพฤกษ์อัมพาต เป็นอาการที่คนทั่วไปโดยเฉพาะผูู้งอายุจะเกรงกลัวกันมาก ซึ่งอาการดังกล่าวหมายถึง การที่แขนขาอ่อนแรงซีกใดซีกหนึ่ง และมักจะไม่ค่อยหาย หรือหายแต่ไม่หายสนิท ใช้เวลาฟื้นฟู สมรรถภาพค่อนข้างนาน มีความพิการ หลงเหลืออยู่บ้างไม่มากก็น้อย สาเหตุของอาการดังกล่าวมีได้หลายอย่าง แต่ที่พบบ่อยที่สุดคือ โรคหลอดเลือดสมอง 80-90% ที่เหลือก็เป็นสาเหตุอื่นๆเช่น เนื้องอกในสมอง ฝีในสมองเป็นต้น
เส้นเลือดในสมองตีบหมายถึงอะไร..?
- เส้นเลือดที่ตีบเกิดจากการหนาตัวของผนังหลอดเลือด รวมทั้งอาจมีเกล็ดเลือด หรือองค์ประกอบอื่นๆของเลือด มาสะสมตามผนังหลอดเลือด ซึ่งจะทำให้เลือดไหลผ่านได้น้อยลง ซึ่งถ้าเป็นมากก็จะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ และเกิดความเสียหายต่อสมองบริเวณนั้นๆเส้นเลือดสมองตีบเป็นโรคหนึ่งซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มใหญ่ที่เรียกว่า โรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งประกอบไปด้วย 3 โรคหลักๆ ได้แก่ เส้นเลือดสมองตีบ แตก และอุดตัน โดยที่เส้นเลือดสมองตีบเป็นแบบที่พบได้มากที่สุด(80-85%)
มีอาการอย่างไรได้บ้าง..?
เนื่องจากสมองมีหลายส่วน แต่ละส่วนมีหน้าที่แตกต่างกันไปดังนั้น อาการในผู้ป่วยแต่ละคน ขึ้นกับบริเวณของสมองที่ีเส้นเลือดตีบ อาการที่พบได้แก่
- แขนขาอ่อนแรง หรือชาซีกใดซีกหนึ่ง (บางกรณีอาจเป็นทั้ง 2 ซีก)
- ลิ้นแข็งพูดไม่ชัดหรือสำลัก
- พูดไม่ได้ หรือฟังไม่รู้เรื่อง (มีปัญหาด้านความเข้าใจภาษา)
- เวียนศรีษะมาก เดินเซแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
- มองไม่เห็นซีกใดซีกหนึ่ง
ใคร..? มีโอกาสเป็นบ้าง (ปัจจัยเสี่ยง)
เส้นเลือดในสมองเปรียบเสมือนท่อประปา ที่นำเลือดไปเลี้ยงสมอง โดยเส้นเลือดเป็นของคนคนเดียวกันทั้งร่างกาย ดังนั้นหากหลอดเลือดเสื่อมก็จะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดในสมองได้ ดังนั้นปัจจัยเสี่ยงจึงมีทั้งที่ควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้
ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้ ได้แก่
- อายุ เมื่ออายุมากขึ้นความเสื่อมของเส้นเลือดก็จะตามมาในแต่ละบุคคล ยิ่งอายุมากขึ้น หลอดเลือดในสมองก็จะเสื่อมมากขึ้น เหมือนท่อประปาในบ้านที่ใช้นานขึ้น ก็จะมีโอกาสที่จะมีตะกอนมาเกาะมากกว่าคนอายุน้อย
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
- เคยมีประวัติโรคหลอดเลือดสมองตีบหรือโรคหลอดเลือดในสมองแตกมาก่อน
ปัจจัยเสี่ยงที่เราสามารถควบคุมได้ ยังมีอีกหลายอย่าง ซึ่งถ้าเราควบคุมได้ดีก็จะสามารถลดโอกาสเกิดอัมพฤกษ์อัมพาต ได้มากเกือบ 100%
ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถควบคุมได้ ได้แก่
- โรคความดันโลหิตสูง เมื่อมีโรคความดันโลหิตสูงควรพบแพทย์เพื่อตรวจวัดความดันและรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆก็ตาม เนื่องจากความดันโลหิตที่สูงจะไปทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้ง่าย และทำให้เส้นเลือดในสมองมีความเปราะมากขึ้น
- โรคเบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติ
- ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หากผู้ป่วยมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Atrial fibrillation or atrial flutter) มักจะทำให้เกิดลิ่มเลือดในหัวใจและลิ่มเลือดในหัวใจอาจจะลอยไปอุดเส้นเลือดในสมองได้ การแก้ไขภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะมักจะทำได้โดยการจี้ไฟฟ้าที่หัวใจ หรือหากไม่สามารถแก้ไขได้ ผู้ป่วยจำเป็นที่จะต้องได้รับยาละลายลิ่มเลือด อย่างต่อเนื่อง
- ไขมันในเลือดสูง ไขมันจะเป็นตัวเร่งให้หลอดเลือดมีการแข็งตัวและมักจะเกาะตัวกันเป็นตะกอนในหลอดเลือด และทำให้หลอดเลือดในสมองตีบได้
- การสูบบุหรี่ บุหรี่จะเป็นปัจจัยเร่งที่สำคัญที่จะทำให้หลอดเลือดในสมองเปราะและเกิดมีตะกอนได้ง่าย ทำให้เกิดภาวะเส้นเลือดในสมองตีบได้ง่่ายกว่าคนที่ไม่สูบ ทั้งนี้รวมถึงบุคคลที่ใกล้ชิดคคนที่สูบบุหรี่จัดและได้รับควันบุหรี่ตลอดเวลาด้วย
- ดื่มเหล้า เป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความดันโลหิตสูงและเส้นเลือดในสมองแตก ได้ง่ายกว่าคนทั่่วไป
- การใช้สารเสพติดบางชนิดได้แก่ แอมเฟตามีน โคเคน ผู้ที่ใช้สารเสพติดเหล่านี้มักจะเกิดเลือดออกในสมองง่ายกว่าคนทั่วไป เนื่องจากสารเสพติดเหล่านี้จะไปทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง หรือในผู้ป่วยบางรายอาจจะทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดอักเสบ
การดูแลด้วยสมุนไพร
คุณหมอเส็งได้แนะนำผลิตภัณฑ์สมุนไพร คือ
- สตาร์ไลฟ์ 111 หรือ สตาร์ไลฟ์ 999 ชนิดใดก็ได้ ครั้งละ 30 cc. เช้า-เย็น
- ยาบรรเทาอาการปวดเมื่อย ครั้งละ 50cc. เช้า-เย็น
- ยาหอมน้ำ ครั้งละ 50cc. เช้า-เย็น